Friday, October 23, 2015

[Review] สิงคโปร์ เที่ยวได้ ไม่ง้อทัวร์ Part 3 - เดินเล่นชมเมือง ทักทายสิงโตพ่นน้ำ ถ่ายไฟ


กำหนดการณ์ของเราวันนี้ก็คือ เดินเที่ยว ชมตัวเมือง ให้ได้มากเท่าที่ร่างกายจะพาไปไหว เนื่องจากเมื่อวานใช้แรงไปมากกับการเดินป่าที่ MacRitchie Reservoir Park ส่งผลให้ปวดขาอยู่พอสมควร ยังดีที่ได้พักบ้าง ตอนแรกคิดว่าทริปวันนี้จะเป็นหมันซะแล้ว...

เดินทาง Hotel 81 Elegance --> MRT Farrer Park --> MRT Chinatown --> People's Park Centre

ภารกิจแรกของวันนี้เลย ต้องไปซื้อตั๋ว Universal เตรียมไว้สำหรับทริปพรุ่งนี้ก่อน ที่ห้าง People's Park
ที่พักของเราอยู่ไม่ห่างจากสถานี MRT Farrer Park รถไฟฟ้าสายสีม่วง ซึ่งสายนี้สามารถไปลงสถานี Chinatown ได้เลย โดยไม่ต้องต่อรถไฟสายอื่น



ถนนระหว่างทางไป MRT Farrer Park อยู่ใกล้ Little India แถวนี้จึงมีคนเชื้อสายอินเดียอยู่กันมาก
วัดของชาวอินเดีย

People's Park Centre

เมื่อมาถึงสถานี MRT Chinatown แล้ว ก็เดินตามป้าย ออกทางออก H ขึ้นมา เลี้ยวซ้ายก็เห็นห้าง People's Park แล้ว

จากนั้น เราก็พยายามเดินหาร้าน Sea Wheel ในตำนาน ตามที่มีคน review กันมากมาย แต่จนแล้วจนรอด เราเดินวนอยู่ 2-3 รอบ ก็หาร้าน Sea Wheel ไม่เจอ ก็เลยลองถามราคาจากร้านอื่นดู ก็ได้ราคาเท่ากันกับราคาที่เช็คไว้ที่ 60 SGD ต่อคน ก็เลยตัดสินใจซื้อที่ร้านนี้เลย (จำชื่อร้านไม่ได้แล้ว)

ตั๋วเข้า Universal
หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ ก็ได้เวลาเดินเที่ยว

Chinatown

ที่แรกก็ไม่พ้น Chinatown ที่นี่ของขายส่วนใหญ่จะเป็นพวกของฝาก พวงกุญแจ แต่ก็มีของแปลกๆ อยู่บ้าง แต่โดยรวมก็ไม่ต่างจากตลาดบ้านเรามาก ตอนช่วงที่เรามาเป็นช่วงใกล้เทศกาลกินแจพอดี ที่นี่จึงมีการประดับโคมไฟ และตกแต่งถนนหนทางให้เข้ากับเทศกาล








มาถึง Chinatown สิงคโปร์ก็ต้องไม่พลาดไปไหว้วัดพระเขี้ยวแก้ว มีเรื่องที่ชอบของที่นี่อีกอย่างนึงคือ ระหว่างทางที่เดินไปวัดพระเขี้ยวแก้ว ก็จะมีช่วงที่เค้ากำลังปรับปรุงทางเท้า ซึ้งทำให้เราต้องเบี่ยงลงไปเดินบนถนน แต่ที่นี่เค้าก็เอาแท่งแบริเออร์มากั้นทำเป็นทางเดินไว้ให้ ทำให้เห็นถึงความใส่ใจในความปลอดภัยของประชากรประเทศเค้า คิดว่าประเทศไทยก็น่าจะมีเหมือนกัน แต่ไม่ค่อยได้เห็นเท่านั้น

เอาแท่งแบริเออร์มากั้นเป็นทางเดิน เพื่อความปลอดภัย

Buddha Tooth Relic Temple and Museum (วัดพระเขี้ยวแก้ว)


วัดพระเขี้ยวแก้ว
วัดนี้ เป็นพิพิธภันฑ์ไปด้วย ว่าด้วยเรื่องราวศาสตร์ ธรรมะ จิตวิญญาณที่ผสมผสานระหว่างพุทธศาสนานิกายหินยานและมหายาน  จัดเป็นพิพิธภันฑ์ขนาดย่อมๆ ที่น่าประทับใจ

อาคารชั้น 1 เป็นพระประทานสองด้าน (แบ่งเป็นสองห้องโถง) ห้องใหญ่ คือ ที่มีพระพุทธรูปองค์กลาง องค์เล็กเรียงรายโดยรอบ ห้องส่องประกายสีทอง และขอบผนังด้านบนเป็นศิลปะนูนต่ำรูปมังกรพันตัว

อีกด้านหนึ่งคือ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร โดยมี พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์องค์ต่างๆ ทั้งหมด 8 พระองค์ ซึ่งมหายานเชื่อว่า ท่านทั้ง 8 เป็นผู้ปกป้องและอำนวยโชคลาภให้แก่คนในราศีต่างๆกัน (นับตามราศีจีน หรือตามปีเกิดครับ)

เรื่องราวของพิพิธภันฑ์จะเกี่ยวตำนาน และชีวประวัติของ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน หรือ พระพุทธเจ้าโกตมะ (Gotama เจ้าชายสิทธัตถะ) ไปจนถึงพระศรีอาริยเมตรัย (Maitreya) ซึ่งฝ่ายมหายานเชื่อว่าในกัลปภพทั้งหมด มีพระพุทธเจ้าทั้งหมด 5 พระองค์ที่จะบรรลุนิพพานและคอยสอนชาวโลก โดยที่ พระองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่สี่ และพระองค์ถัดไปคือ พระพุทธเจ้าเมตรัย หรือ พระศรีอริยเมตรัย รวมทั้งในพิพิธภันฑ์ ยังมีแสดงเทพเจ้าองค์อื่นๆในความเชื่อของ จีน ญี่ปุ่น เช่น เทพจตุโลกบาล เทพเจ้าสายฟ้า เทพเจ้าลม เจ้าแม่กวนอิม




ช่วงที่มา ด้านในกำลังมีพิธีกรรมบางอย่างกันอยู่ จึงไม่ได้เข้าไปดู ได้แต่ยืนใหว้นมัสการอยู่ด้านนอก

จุดหมายต่อไปคือ Landmark สำคัญที่สุดที่ใครมาก็จะต้องมาที่นี่ นั่นคือ Merlion ไปถ่ายสิงโตพ่นน้ำกัน

MRT Chinatown --> MRT Outram Park --> MRT Raffles Place --> Marina bay

หลังลงจาก MRT Raffles Place เดินออกมาเรื่อยๆไปทางอ่าวมาริน่า ประมาณ 10-15 นาที ก็จะพบกับ Merlion หรือสิงโตพ่นน้ำของเรากันแล้ว ช่วงที่มาเป็นช่วงเที่ยงๆแดดกำลังร้อนเลยทีเดียว แต่ก็มีคนไม่น้อยมายืนถ่ายรูปกัน ที่สำคัญมีคนไทยอยู่แถวนี้เยอะเลย

Merlion

รูปปั้นสิงโตทะเล ที่มีลักษณะส่วนหัวเป็นสิงโต และส่วนล่างเป็นหางปลา ตั้งอยู่บนยอดคลื่นทะเล หรือที่เรียกกันในชื่อว่า เมอร์ไลออน (Merlion) ถือเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ไปแล้ว เรียกว่าถ้าใครได้เห็นรูปปั้นนี้ก็รู้ทันทีว่ามันคือประเทศสิงคโปร์

รูปปั้นเมอร์ไลออน ในปัจจุบันทั่วสิงคโปร์มีทั้งหมด 3 ตัว ซึ่ง 2 ตัว ถูกตั้งอยู่ที่บริเวณปากอ่าวมาริน่า บริเวณเมอร์ไลออนปาร์ค ซึ่งเมอร์ไลออนตัวแม่หันหน้าออกสู่ทะเล และ เมอร์ไลออนตัวลูก ตั้งอยู่ในปาร์ค หันหน้าเข้าตัวเมืองสิงคโปร์




อีกมุมนึง เห็นโรงละคร Esplanade เป็น background
แมวเหมียวพ่นน้ำ เอ๊ย.. สิงโตพ่นน้ำ อิอิ
บรรยากาศโดยรอบ ฟ้าไม่ใสมาก มาจากควันไฟที่อินโดนีเซีย
เจอครอบครัวแมวน้ำว่ายน้ำเล่นแถวอ่าวมาริน่าด้วย

Esplanade (ตึกหนามทุเรียน)

โรงละครเอสพลานาด(Esplanade) คือโรงละครบนชายหาดและยังเป็นศูนย์แสดงศิลปะ ที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกแห่งหนึ่งของสิงคโปร์ ออกแบบขึ้นเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งการเชื่อมต่ออันทรงคุณค่าระหว่างอดีตและปัจจุบัน เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 12 เดือนตุลาคม ค.ศ 2002 ที่แรกต้องการจะสร้างออกมาให้คล้าย ไมค์โครโฟน 2 อันคู่กัน แต่หลังจากสร้างเสร็จ ผู้คนส่วนใหญ่จะบอกว่าคล้ายทุเรียนมากว่า เป็นที่มาว่าเอสพานาด คือโรงละครทุเรียน ปัจจุบันโรงละครเอสพลานาดได้กลายเป็น แลนด์มาร์คของประเทศสิงคโปร์ ที่เวลาถ่ายรูปคู่เมอริออน ก็ต้องถ่ายให้ติด โรงละครเอสพลานาดหรือตึกทุเรียน ด้วย

จุดประสงค์ของการสร้างโรงละครเอสพลานาด คือการเป็นศูนย์แสดงศิลปะสำหรับทุกคน ภายในโรงละครเอสพลานาด จะประกอบไปด้วยห้องแสดงขนาดใหญ่จำนวน 2 ห้อง และมีสตูดิโอขนาดเล็กอีก 2 ห้อง ทั้งภายในและภายนอกอาคารเอสพลานาด รายการแสดงต่างๆนั้นมีความหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ชมทุกประเภท โดยเน้นไปที่ดนตรี การเต้นรำ ละคร และทัศนศิลป์ทุกประเภท อีกทั้งนังมีห้องสมุดที่มีมุมสำหรับอ่านหนังสือด้วย


แถวโรงละคร Esplanade ในวันนี้มีกิจกรรมสันทนาการที่ครอบครัวมาร่มกันทำกิจกรรมเยอะมาก

เด็กๆ ทำกิจกรรมร่วมกับพ่อแม่กันอย่างสนุก
ภายใน Esplanade มีการแสดงของเด็กๆด้วย


หลังจากพักเหนื่อยซักพัก สถานีต่อไปเราก็เดินไปต่อกันที่ Gardens by the Bay โดยเดินข้ามสะพาน Helix ไปทาง Marina Bay Sands แล้วเลี้ยวซ้ายตรงไปทางเข้า Gardens by the Bay

วิวบนสะพาน Helix ตอนกลางวัน

Gardens By The Bay

Gardens by the bay เป็นโครงการพัฒนาต่อเนื่องบริเวณริมอ่าวมาริน่าเบย์ ซึ่งเป็นสวนต้นไม้ ดอกไม้ และ พันธ์พืชนานาชนิด ที่ใหญ่ที่สุดในสิงคโปร์ บนพื้นที่ 1,011,714 ตารางเมตร

ภายในสวนได้มีการแบ่งออกเป็นหลายๆ โซน ซึ่งในโซนปัจจุบันที่ได้เปิดให้เข้าชมได้ มีการลงทุนไปถึง 25,000 ล้าน บาท เลยทีเดียว







เดินไปเดินมาก็ใกล้จะเย็นแล้ว ช่วงรอถ่ายไฟ เราไปหาอะไรกินกันก่อนดีกว่า

เราเลือกไปลองชิม Bak Kut Teh ที่ร้านดัง Song Fa ที่มีคน review มากมาย ว่าจะอร่อยจริงสมคำล่ำลือไม๊




ไปถึงที่ร้านตกใจเลย คนต่อคิวเยอะ แต่รอไม่นานเลย เค้าจัดคิวให้ได้ไวมาก

เราสั่ง Bak kut teh ชุดเล็ก กับอีกอย่างที่คล้ายๆพะโล้หมูมาชิม บอกได้เลยว่า น้ำซุปของ bak kut teh เด็ดมาก รสชาติผสมผสานเครื่องเทศได้อร่อยสุดๆ น้ำซุปสามารถเติมได้ตลอดอีกด้วย

ส่วนหมูที่คล้ายๆพะโล้ ก็เปื่อยอร่อยมาก สมคำล่ำลือจริงๆ กด Like ให้เลย ^_^

หลังจากอิ่มกันแล้ว เราก็กลับมาที่ Marina Bays กันอีกครั้ง เพื่อรอชมการแสดง Wonder Full-Light & Water ตอนเวลา 2 ทุ่ม เราไปดักรอถ่ายวิว การแสดงที่ฝั่งตรงข้าม Marina Bay Sands ทำให้ได้เห็นไฟและมี Marina Bay Sands เป็น background สวยๆ




หลังการแสดงเสร็จ ก็เดินไปถ่ายไฟแถว Merlion กับสะพาน Helix กันอีกครั้ง ก็หมดแรง กลับไปพักผ่อนต่อที่ห้องเตรียมพร้อมสำหรับตะลุย Universal Studio พรุ่งนี้...




Choco

อ่านตอนอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Facebook : https://www.facebook.com/chocogreenteajourney
Google+ : https://plus.google.com/+ChocogreenteajourneyBlogspot9

No comments:

Post a Comment